ลำนำ ขลุ่ยรำลึก / นึกถึง ยัยตัวแสบ ,,,---

ลำนำ ขลุ่ยรำลึก / นึกถึง ยัยตัวแสบ ,,,
---

อาตมา ก็ชอบตาคนนี้นะ

แกเหมือนอาตมาเลย หัว หู ตา จมูก ปาก การเป่าขลุ่ย

และ ที่สำคัญสุดๆคือ 

สมัยโน้น ปี 35 อาตมาใส่เสื้อแบบนี้ อยู่เกือบปี 7-8 เดือนมั่ง 

พอบวชแล้ว 7 เดือน ก็สึกมาใส่แบบนี้ อีกนานหลายปี 

ขึ้นเครื่องบิน จากสิงคโปร์ ไป ออสเตรเลีย ปีนั้น ก็ ใส่ตัวนี้ หลายครั้ง บินไปๆ มาๆ 4-5 รอบ 

ถึงรอบหลังสุด อยู่นาน 4 เดือน ก็ กลับมาด้วย ชุดนี้ กับ กาเกงขาว รองเท้าแตะ 

สะพายย่าม กะเหรี่ยง สีขาว มีอักษร ASEAN ชุดเดียวกับ ที่ใช้เดินป่า อุ้มผาง แม่ฮ่องสอน เมื่อปี 35

มันประทับใจ มันเป็นชุดสุดท้าย ที่ยัยตัวแสบ เขาจับอาตมาขึ้นเครื่องจาก ตรัง กลับมา กทม.

เราก็รู้ว่า เขาหลอก เขาไม่จริงใจ ก็ ยังปล่อยให้เขาหลอก

สมัยนั้น ตุลา 35 หลังวันเกิดอาตมา ตามบัตรไม่กี่วัน เกิดวิกฤติชีวิตครั้งใหญ่ จากคนที่มีพระคุณกับอาตมา 

ในวันที่ อาตมาลำบากมากๆ ที่สุดในชีวิต ไม่มีใครช่วยอาตมาได้ ก็ มีคุณสตรีท่านนี้ ดูแลอาตมาอย่างดี

แต่ต่อมาต้องมาเรียกเขาว่า ยัยตัวแสบ มันก็ เจ็ปปวดใจ

แต่เขาก็เรียกอาตมา ในสมัยนั้น ไอ้ตัวซวย เขาก็ ปวดร้าว ไม่แพ้กัน

เขาถึงขนาด เขียนชื่ออาตมา ใส่ลูกกอฟ ตีไปให้ไกลๆ

เขาก็ เก่งมากๆ เขาเป็นคนเก่ง ในทุกๆเรื่อง

ตีลูกกอล์ฟติดชื่ออาตมา ข้ามโลกไปไกลถึง อเมริกา

สายรายงานว่า เห็นเขาไปยืน เหมอลอย ดูยอดพระที่นั่งอนันตสมาคม จากริมน้ำ สวนสัตว์เขาดิน ก็ เป็นที่น่า เศร้าใจ

อนันต์ คือ ชื่อที่เขาใช้เรียกอาตมา ในสมัยนั้น

เขาดิน คือที่ที่เขาบอกหลายครั้งว่า อยากไป เขาชอบ แต่อาตมาไม่เคยพาเขาไปเลย 

บาปเวร เคราะห์ร้าย เป็นของอาตมาเอง ก็มีมา 

อาตมาไม่โทษคนอื่น ไม่โทษเขา ไม่โทษใครๆทั้งนั้น

ก็ โทษตัวเอง ก็ ทิ้งทุกอย่าง ไป

หลายคนว่า ตอนอายุ 25 ทุกคนมีเคราะห์ แต่ปีนั้น ย่าง 26 อาตมาได้เป็น ผจก.โรงงาน 

ก็ หัวเดียวกระเทียมรีบแหละ จาก จ่าทหารอากาศ จนๆ เงินเดือน 3,750 บาท แค่ข้ามคืน ไปเป็น ผจก.รง.เงินเดือน 37,500 บาท ชีวิตก็เริ่มจะเป็นนิยายน้ำเน่า ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

เถ้าแก่ เพิ่มเลข 0 ให้ตัวนึง ตอนที่อาตมา ไม่รู้ว่า จะเอาเดือนละ เท่าไร เพราะ เพิ่งไปนั่ง ทำงาน ที่ โรงงานทำโทรศัพท์ เดือนละ หมื่นบาท ได้ แค่ วันเดียว 

ก็มี ผู้มีพระคุณใหญ่ 3 ท่านก็ ไป อุ้มอาตมา มาลงตรงนี้

ท่านนึง คือ พันเอกทหารอากาศ เจ้านายเก่า ในกรม สื่อสาร 

ท่านโทร. ไปบอก ท่านอธิการบดี วิศวะ จุฬา กับ ท่านประธานสมาคมเทคโนไทยญี่ปุ่น ดร. 2 ท่าน ที่อาตมา ทำงานกับท่าน ในนามตัวแทน กองทัพอากาศ 2 ปี ว่า 

อาตมาลาออกหนีไปแล้ว 

ก็ มี หัวหน้าเก่า ท่านนั้นคนเดียวที่รู้ว่า อาตมาไปอยู่ที่ไหน 

คนอื่นแม้น คนในบ้านอาตมายังไม่รู้เลย 

แต่ ดร. 2 ท่านนี้ก็ ตามไปเจอ ใน ครึ่งวันแรก ที่นั่น ที่อาตมานั่งทำงาน ในตำแหน่ง หัวหน้าสายการผลิต โทรศัพท์ ได้แค่ ครึ่งวัน

วันรุ่งขึ้น ก็ ย้ายไป เป็น ผจก. โรงงาน แล้ว

มันก็ต้องใช้ พลังงานมาก ถึง อายุ 30 เภทภัยจึงเกิด 

สมัยนั้น อาตมา ยังไม่ได้เป็นหมอดู และไม่สนใจเรื่องพวกนี้

เวรกรรมมันเป็นของอาตมาเอง 

ก็ ไม่โทษ ใครสักคน 

แต่คนผิด มันมีอยู่ มันไม่ใช่เรา 

และมันจะไม่เป็นเขา 

อาตมาไม่ซัดทอดใครๆ ทั้งนั้น ช่างมัน

อาตมาทำงานกับท่านนายพล หลายนายพล มาตลอด 6 ปี ในกรม 

แล้ว ในบริษัทนั้น ก็ ยังมีหลายนายพล ที่ยังเมตตาสั่งงาน หาเงินพิเศษ ให้อาตมา มีเงินใช้ มากกว่า คนอื่น

มันชินกับการ ทำงานกับ ผู้ใหญ่ ว่า ท่านมีอำนาจมาก ท่านก็จะมีเมตตามากด้วย

เวลาสั่งงานกัน มันละเอียด เพราะ ที่ที่เราจะไป ก็ ตายฟรีได้ไม่ยาก และถ้าสงสัย ก็ จะถามใครไม่ได้

แต่กลับมา ท่านจะเมตตา พาร่วมโต๊ะ กินข้าว สอบถามอย่างละเอียด

เราเป็นแค่จ่า ท่านเป็นนายพล ท่านไม่เคยดุเรา

ปกป้องเราตลอดเหมือนเราเป็นลูก (บิ๊กจิ๋ว) 

และเป็นหลาน (กับบิ๊กจ๊อด)

แต่อาตมาไม่เคยบอกใคร

พ่อแม่พี่น้องของอาตมา เลี้ยงดูกันมาแบบลูกคนจน 

หลังปี 19 ทหารอากาศ อเมริกัน กลับประเทศ 

คนในบ้านอาตมาทุกคน กลายเป็น คนจนทันที 

แต่เราไม่เคย ตีกัน ด่ากัน

พ่อแม่พี่น้องเรามีความอบอุ่น ที่ไม่รู้ว่า มันคือความรัก

แต่กับ เจ้านาย ใน บริษัท ที่เราต่างก็ รักเหมือนบ้าน 

รักกันยิ่งกว่าบ้าน 

อาตมาไม่เคยต้องกลับบ้านเป็นปกติเหมือนคนอื่น 

เพราะในใจ มีแต่งาน 

ที่เห็นเป็นบ้านนั้น มันคือ ไม่ใช่มานานมากแล้ว

มันใกล้จะถึงเวลา สำคัญแล้ว

แต่ครั้นเกิด วิกฤติ ผู้ใหญ่ ที่เราเคารพรัก 

จะถามสักคำ ก็ ไม่ถาม

ท่านสั่งการเลย

ไม่เหมือน คนที่เป็นใหญ่ ระดับนายพล รัฐมนตรีของประเทศ ท่านยังไม่เคยสั่งการกับอาตมา แบบนั้น

มันก็เป็นมนทิล ทางใจ มานานแสนนาน

ก็ ไม่เป็นไร ทุกคนรอบทิศ ในที่นั้น 

เป็นทั้งคนรัก ทั้งคนมีพระคุณ 

ที่ที่ ในชีวิต อาตมาก็ ทดแทนบุญคุณเขาไม่หมด

อาตมาแตะต้องคนรักได้ พูดได้ ถ้าเขาจะพูดด้วย

แต่อาตมา แตะต้อง ผู้มีพระคุณ ไม่ได้ 

และบางคนในนั้น มี ๒ สถานะ

ก็ จบเลย

และอาตมา พูดกับคน ไม่เป็น

ถ้าพูด ถ้าเถียง คนผิดจะเป็นคนอื่น ที่เขาจะดูแลตัวเองไม่ได้

โดยเฉพาะ ในวัยชรา 

อาตมาเห็นภาพความลำบากของสตรีเพศ ของเขา พ่อแม่ของเขา มาตั้งแต่วันก่อนหน้านั้น หลายปี

และ พ่อแม่ อาตมา ในสมัยนั้น ก็เป็นคนจน

อาตมาคนเดียว เงินเดือน รายได้ อายุ 30 รับ แสนกว่าบาท เกือบทุกทุกเดือน เพื่อทุกคน ที่จำเป็นต้องใช้เงิน ให้ พอเพียงกับฐานะ

แต่เมื่อ ท่านที่เป็นผู้ใหญ่ ที่สุด ไม่ถาม อาตมาก็ ไม่ตอบ

จึง เดินออกมา 

แล้ววางทุกอย่าง ไว้ที่โต๊ะ ทำงาน บอกเลขา ว่า บนโต๊ะนี้ ใครจะเอาอะไรไป ทำอะไร ก็ เอาไปนะ ไม่มีอะไรเป็นของพี่

แล้ว ก็ เดิน หายตัวไปเลย 7 เดือน เสื้อผ้า ชุดเดียว กับกระเป๋าตังค์

กระเป๋า กุญแจบ้าน กุญแจรถ ทุกอย่างทิ้งหมด 

กว่า ๗ เดือนแล้ว จึงกลับมา ขอขมา เถ้าแก่ แล้วขอท่านออกบวช ได้ วิชชา ธรรมกาย เป็นรางวัลตอบแทน การอดทน อดกลั้น ที่ไม่ทำร้ายใครๆ ทั้งนั้น

การไม่ตอบโต้ ทุกเรื่อง ไม่ว่าร้ายใครๆ สักคน เป็นบุญมหากุสล ที่ในวันนั้น อาตมาก็ ไม่มีความรู้ ในเรื่องพวกนี้

รู้แต่ว่า เราไม่ได้ทำ แต่เถียงไม่ได้ คนรักจะลำบาก มากไปกว่า ในวันนั้น เขาก็ ลำบากสุดๆแล้ว ในชีวิต เขาจึงต้องทำแบบนั้น

ก็ คิดแค่นั้น ก็ ไปเลย

ต่างจาก เพื่อนๆ เรียนกันมา ทุกวันนี้ หลายคน ยังด่าอาตมาไม่เสร็จเลย

ก็ ช่างมัน

ไม่เป็นไร คือคาถา ของอาตมา

และคนที่ เข้าใจอาตมา มากที่สุดก็คือ คนที่กลัวว่า เขาจะได้ ชื่อว่า ทำลาย ทำร้ายอาตมานั้นแหละ

เขากลัวมาก เพราะ เขาก็ ไม่ได้ ทำเอง ในวันนั้น เขาก็ แค่

ตกกระไดพลอยโจร ในวันที่ เพื่อนๆ รอบตัวเขา บอกว่า แบบนั้น มันถูก เขาก็ ทำ

เขาไม่เคยคิดทำลาย ทำร้ายอาตมาเลย

ก็ ไม่เป็นไร

แต่หลายๆคน ก็ ไปว่าเขาแบบนั้น หลังจากอาตมาหายตัวไป

ก็ ไม่เป็นไร

ต่างคน ก็ ต่างอดทน อดกลั้น แล้วต้องหาทางไปของตนเอง ให้เจอ

ไม่เป็นไร มันคือ คาถา

มันมีต้นราก มาจากภาษาจีน

เขาเป็นคนจีน เขารู้ดี

อาตมาเชื่อใจเขาทุกอย่าง 

หลงผิดไปว่า เขาเป็นที่พึ่ง ที่ใช่ที่สุดแล้ว ในชีวิต ณ เวลานั้น และต่อไปจากนั้น

มันเห็นแก่ตัวเกิดไป ในชีวิตของลูกผู้ช่าย อาตมาไม่ควร มีความเห็นแบบนั้น ใน เวลานั้น 

มันเร็วเกินไป

เขาเอง ก็ ยังพา อาตมาในสมัยนั้น ไป ให้ เพื่อนๆ ดูตัว ยังไม่เสร็จเลย

ก็ ยังคิดขำๆว่า 

เธอจะพาอาตมาไปให้ เพื่อนๆ ด๔ให้หมด ทั้ง มหาลัยเลยป่าวเนี่ย ในสมัยนั้น ก็ แอบขำ

แต่มันก็ ขำในใจได้ไม่นาน

เจ้านาย ที่ชุบชีวิต อาตมา มาจาก จ่า จนๆ คนนึง 

ก็ ไม่ถาม อะรไรเลย สักคำ 

เรียกไป สั่งการทันที

มึนมาก ณ เวลานั้น ไม่เข้าใจอะไรเลย 

มืด ๑๐ ด้าน

สว่างทางเดียว คือ ประตู บันได และ ท่ารถ ๒ แถว หน้า บริษัท

ท่านคงจะ สงสัยว่า อาตมาเป็นทหาร คงจะชินกับคำสั่งแบบนั้น

แต่เปล่าเลย อาตมาเป็นหนู เป็นกระต่าย ใต้ท้องช้าง ที่พวกเขา ไม่เคยสั่งการอาตมาอะไรในแบบนั้นเลย

มีแต่ บอกว่า เรื่องนี้มันเป็นอย่างนั้น นะ อย่างนี้นะ แล้ว จะทำแบบนี้ได้ไหม ทำอย่างไร เพื่อแบบนี้นะ แบบนั้นนะ 

นี่คือ ชีวิตจริงของคนระดับนายพล ระดับ นายกรัฐมนตรี

เขาไม่มา ชี้นิ้ว สั่งการอะไร กันแบบในหนังกันหรอก

แต่ ท่านผู้ใหญ่ท่านนั้น ก็ไม่ทราบเรื่องพวกนี้

ท่านเป็ฌนผู้มีพระคุณเท่าชีวิตอาตมา หรือมากกว่าด้วย

อาตมาแตะต้องไม่ได้ และท่านจะผิดเพราะเราไม่ได้

ฟังแล้ว ยังสะท้อนใจถึงทุกวันนี้ เจ้านายในบริษัท ที่อยู่ดี มีสุข แข็งแรงปลอดภัย

กับท่านนายพล ที่เมตตาอาตมามากๆ ต้องนอนติดเตียงอยู่กับเมียใหม่

ที่ อาตมาเข้าไม่ถึง

ต่างจากตอนอยู่กับเมียเก่า อาตมา เป็นพระแล้ว จะไปอยู่ ข้างเตียงท่าน ตอนไหนก็ได้ ตลอด 24 ชม. ไม่เคยต้องนัด

ชีวิตเรา อยู่มา รอดตายมา เพราะ ท่าน ไม่ได้ แปลว่า เราจะตายแทนกันได้ 

เราต่างมีหน้าที่ ต่างกัน 

แต่ท่าน สอบถาม เมื่อก่อนไป สอบถาม เมื่อกลับมา

การทำงาน มีที่ไหน ไม่ได้ชื่อว่า ทำผิด 

การถูกฝั่ง ด้วยคำพูด การถูกฆ่าทางอ้อม ด้วยวาจา

ท่านนายพล รับไว้ทั้งหมด

ไม่เคยตำหนิหนูตัวเล็กอย่างอาตมาในสมัยนั้นเลย

แต่ปกป้องทุกอย่าง ทั้งเมื่อไปแล้ว และกลับมาถาม

ด้วยความเป็นห่วง เหมือนตัวท่านไปทำงานมาเอง

แต่เจ้านายใน บริษัทที่เรา เคารพ ว่า นี่ คือ บริษัทเรา สร้างกันขึ้นมา

จะถามสักคำ ก็ ไม่ถาม

อาตมาก็ ไม่รออะไร

หายไปเลย

ไปสุดทาง ที่ เบตง โดยไม่รู้ว่า มันคือที่ที่จะไป 

ก็ แค่ รถมันจะออก คันนี้ จะออก ก็ ไปด้วย 

ถึงแล้ว ก็ย้อนขึ้นมา หลาย จังหวัด 

อำเภอ ต่ออำเภอ 

นั่งรถ สองแถวออกมา 

นอนวัดพุทธบ้าง บ้านชาวบ้านบ้าง บ้านคนขับรถสองแถวนั้นแหละ เจอบ่อยสุด แล้วก็นอนสุเหร่า มัสยิด 

สมัยนั้น พี่น้อง มุสลิม กับเราคนไทย น่ารักทุกคน เอื้ออาทรกัน

ถึงพัทลุง ไปตรัง มีงาน กินเจ

อาตมาได้ เสื้อแบบนี้ กับกางเกงหนังไก่ กับย่ามกะเหรี่ยงสีขาว ทั้งหมด ทำจากผ้าฝ้าย และมีขลุ่ยเพียงออเสียงกลางอีกอัน

จะไปไหนต่อยังไม่ทราบ

ยัยตัวแสบ ก็ไป เจอกัน ที่ตรัง

พาอาตมากลับ กทม.

เราก็ รู้ว่า เขาหลอก แต่ก็ ไม่ขัดใจเขา 

คุยกันข้ามคืน แล้วขึ้นเครื่องตามเขามา อย่างคนว่าง่าย

เขาเก็บของทุกชิ้นของอาตมา ไว้อย่างดี ไม่มี ที่ติเลย

แม้นจะมีรอยการกระทืบบ้าง ก็ ไม่ได้เสียหายอะไร

เขาต้องการให้อาตมามีชีวิตใหม่

แต่มันไม่ใช่ทางของอาตมา

ก็หนีเขาไปอีก

เราไม่ว่าอะไรเขา

เขาก็ไม่ว่าอะไรเรา

เขาแค่ขอร้อง ในสิ่งที่อาตมาทำไม่ได้

เขาก็ มีสิ่งที่เขาทำไม่ได้ แต่อาตมา ไม่เคยถาม

เขามีความอดทนอดกลั้นในส่วนของเขา ที่ไม่เกี่ยวกับอาตมา

แต่อาตมา ในสมัยนั้น มีความอดทนอดกลั้นในส่วนของอาตมา ที่เกี่ยวกับเขา

มันไปต่อไม่ได้ 

อาตมาต้องการไปแบบเดิม

เหมือนตอนอยู่ ตรัง

เขาไม่ควรเอาอาตมากลับมา

ก็ ไม่เป็นไร อาตมาบอกกับตนเองเสมอ ว่า ไม่เป็นไร

แต่ก็ไม่พูดกับเขา

เขามีเรื่อง ต้องเจ็บปวดใจเช่นกัน

คุณอนันต์ ในสมัยนั้น ก็หายตัวไปจากบ้านเขา ด้วยชุดเดิม

ชุดขาว แบบที่ตาคนนี้ ใส่เป่าขลุ่ยอยู่

ชุดนี้ ที่เขาประคองกอดเอาคุณอนันต์ กลับจากตรัง เข้ามากทม.

กลับมาที่บ้านเขา เหมือนกันทำตามหน้าที่

เรารู้ดี เขามีมายาหญิง ใครๆก็มี

อาตมาไม่เท่าทัน แต่ก็รู้อยู่ ว่าเขาหลอกเรามานานมากแล้ว

ไม่มีใครหรอกที่จะรู้ว่า ในใจของเรา ๒ คนเป็นอย่างไร นอกจากใจของเราเอง

อาตมาเอาชุดนี้ ชุดเดียว ออกจากบ้านเขา หายเข้าป่า แม่สอด พบพระ อุ้มผาง 

หายไปใน ชุดกะเหรี่ยง พุทธกับคริส ขนาดใหญ่ สวมทับไว้ อีก ๒ ชั้น เพราะมันหนาวจัด ที่บนดอยสูง ชายแดนพม่า

คนชุดดำไปเจออาตมาก่อน
จึงไปบอกบิ๊กจ๊อด ที่พบพระ

ท่านจึงส่งผู้พันไม้ นักบิน ทบ. จากลพบุรี ช่วยราชการ ตชด. 34 จว.ตาก/แม่สอด

ที่เคยเห็นหน้าอาตมาตลอด ๗ เดือน ที่อาตมาทำงานติดตั้งสถานีวิทยุดาวเทียม ตชด. 11 สถานี จากอุ้มผางถึงแม่สาย นั้น

อาตมาต้องบินไปกับผู้พันไม้หลายครั้ง โดยไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว

ท่านบินไปวนดูอาตมาในเดือนที่ ๓-๔ 
ที่อาตมาอยู่ในบ้านบนดอยสูงมากกว่า ฮ. ของเขาเวลาบินหลบเมฆฝน/ลมพายุ ตามช่องเขา 

เขาจะต้องบินต่ำกว่าบ้านบนดอยของอาตมาในสมัยนั้นอีก

หลังจากโครงปีกอยู่หลายครั้ง หลายรอบ 

ทั้งขาเข้าอุ้มผาง และออกมาจากอุ้มผาง ถ้าเขาจะเข้าแม่สอด ต้องบิน ผ่านหลังคาบ้านพอดี 

เขาจะโครงตัว ทั้ง ก่อนถึง และเลยไปแล้ว

มันเป็นสัญญาน ที่คนใน สยามชายแดน ทุกคนรู้กัน

เขาเห็นอาตมาใส่ชุดขาว แบบตาคนนี้ เสื้อแบบนี้ สีขาว
บางวันก็เป่าขลุ่ยแบบนี้

๒๘ วันแรกบนบ้านหลังนี้ ที่ปลูกใหม่ทั้งหลัง ริมหน้าผาสูง ใช้เสาเท่าต้นไม้ทั้งต้น ตกลงไปคอหักตาย อาตมา ไม่กินอะไรเลย ทั้งข้าวและน้ำ

ผู้พัน คงพิสูจน์ฝ่ายได้แล้วมั้ง
เจ้านายเขาคงจะบอกทางบริษัท
บิ๊กจ๊อดมีสายตรงเจ้านายอาตมาในบริษัท 
เพราะมีเราไม่กี่คนที่รู้ว่า เราทำงานถวายใคร

ใครจะใช้วิทยุเครื่องนี้
ที่อาตมาผลิตเองกับมือ ทุกขั้นตอน

ยกเว้นจานดาวเทียมที่ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ 
โดยทีมงานวิศวะ จุฬา ก็อาจารย์ ดร. ๒ ท่าน
ที่ไปเอาอาตมากลับมาจากบริษัทสิงคโปร์มาไว้ที่นี่ นั้นแหละ

เราผลิตกันเกือบปี
อาตมาเป็นคนก๊อปปี้ และช่วยก๊อปปี้ ทุกอย่างจากของอเมริกา ในราคา 4–5 พันล้าน ให้เหลือ 400 ล้าน เท่าที่บิ๊กจ๊อดจะหาตังมาทำได้ในเวลานั้น เพื่อคนบนฟ้าในตอนนี้

สมัยนั้น ยังไม่มีคำว่า innovative แต่คิดแล้วก็ ไม่น่าอายอะไร อาตมา ไม่ก๊อปปี้ แบบไม่ได้คิดอะไรเอง

เมื่อ มี ฮ มาระบุ ตัวตนอาตมาได้ ใน ช่วง เกือบ ๔ เดือน ที่หายไป อีกรอบนั้นแล้ว

โยมน้องชายของอาตมาในสมัยนั้น 
ต้องทิ้งงานจากในวังกษัตริย์เขมร
กลับมาตามหาอาตมา ซึ่งเจอ

แต่นั้นเป็นวันสุดท้ายที่ทุกคนที่นั้นได้เห็นอาตมา

เพราะรุ่งขึ้น อาตมาก็เดินเท้าหายไป

ยัยตัวแสบ ตามไปในไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็ไม่เจออาตมาแล้ว

และอาตมาก็ไม่เคยรู้ว่า เขาไปเจอวิกฤต บาปเคราะห์ อะไร ที่แม่สอดนั้น ซ้ำเติมเขาเข้าไปอีก

อีก เกือบ ๓ ปี จึงรู้จากคนในคุก
ไม่มีคนดี บอกอาตมาเองเลย สักคนเดียว
ต้องให้คน ในคุก บอกอาตมาว่า เกิดอะไรขึ้น กับ ยัยตัวแสบ 
ตอนไปตามอาตมา ที่บนยอดดอยสูงนั้น

อาตมาเดินถึงแม่ฮ่องสอนในเวลาอีกเกือบ ๓ เดือน
ข้ามไปพะเยา 

แล้วได้สติจากคนญี่ปุ่นผู้เรียนธรรมะ
จึงกลับมาบวช

ก็มาเอารถที่บ้านยัยตัวแสบนั้นแหละ ไปขอบวช
บวชกับอาจารย์ยันตระ 

เขาก็ ไม่ได้ บอกอะไรกับอาตมา

ทางอาจารย์ ยันตระนั้น ที่ต่อมา อาตมาไปอเมริกา
เจอทั้งอาจารย์ยันตระ กับพระเลขาที่รับบวชให้
วันนั้นก็ยังขำกัน

คนเดียวในโลกที่ลงชื่อบวชแล้วหายไปเลย
ไม่มีใครแจ้งท่าน 

ถึงวันบวช นาคไม่มา อ้อ คนนี้เอง ท่านชัย เขาเรียกอาตมา สมัยนั้น ปี ๕๕ ได้เป็นพระแล้ว ไป อเมริกา ด้วย วีซ่า วิศวกร บริษัท น้ำมัน

อาตมาเอารถคันนั้น ตากบ้าน ยัยตัวแสบ ไปกราบลา ขอขมาเถ้าแก่ในบริษัท ว่า จะบวชให้ท่าน

อาตมาก็สะเทือนใจว่า เราหายไป ๔ เดือน 
ไม่มีใครบอกเถ้าแก่
เขาถามหาอาตมาทุกวัน 
ทุกคนก็โกหกว่า 
อาตมาไปงาน ตชด. 
อยู่ชายแดนพม่า ยังไม่กลับ

จนถึงเดือนธันวาคม วันที่ ๒ มั้ง
อาตมายังไม่ได้ออกเดินจากอุ้มผางไปแม่ฮ่องสอน

เถ้าแก่รู้ว่าอาตหายไป ก็เป็นลมอยู่ในห้อง
รักษาได้ แต่ก็เป็นอัมพฤกษ์

อาตมาเสทือนใจมากๆ

นั้นคือ ผู้มีพระคุณ เท่า พ่อแม่บังเกิดเกล้า ของอาตมา

ท่านเอาอาตมา ทำเป็นลูกอิจฉาให้ลูกแท้ๆ ของท่านได้โกรกธกันกับท่าน เวลาท่านงอนกัน เป็นประจำ 

ก็ เป็นอีกหน้าที่หนึ่ง ในสมัยนั้น ที่ต้องทำ 

จำใจทำ

จึงยอมให้ท่านขังอาตมาอยู่บนห้องนอนบนยอดตึก ดาดฟ้าบริษัทที่รังสิตนั้นแหละ ๒ สัปดาห์ ทิ้งรถยัยต้วแสบให้เขามาเอากลับไปเอง

เถ้าแก่ ไม่ให้อาตมาไปบวชที่เมืองกาญ

ให้ท่าน รมต. ประมาณ มาพาไปบวชสระบุรี
แต่ต้องขังอาตมาไว้ก่อน กลัวหนี

ในนั้น ตึกทั้งตึกแบ่ง ๒ ซีก
ครึ่งนึงเป็นห้องนอน
ในห้องนอน มีพระครึ่งห้อง
ที่นั่ง ที่นอน นิดเดียว 
แต่เปิดแอร์ไว้ตลอด ๒๔ ชม.

ในห้องนั้นมีกายสิทธิ์จากวัดท่าซุงเยอะไปหมด 
และพระพุทธรูปโบราณ อายุหลายพันปี จากทั่วโลก

คนธรรมดา แม่บ้านธรรมดาขึ้นมาไม่ได้
มีแต่เถ้าแก่ ภรรยา ลูกชาย และอาตมา ที่ขึ้นมาได้

บวชที่สระบุรี วันอาทิตย์
แล้ววันจันทร์ เข้าวัดปากน้ำ 
ได้วิชชาธรรมกาย ที่วัดปากน้ำ
ในวันพฤหัสกับหลวงพ่อภาวนา

แล้ววันศุกร์กลางคืน 
บินไปวัดพระบาท ๔ รอย เชียงใหม่

นั่งล้อมวงทำวิชชา สร้างมณฑป 
ครอบรอยพระพุทธบาท ๔ รอย
จาก ๒ ทุ่มถึงสว่าง 
ท่ามกลางอากาศหนาวจับใจ

สมัยนั้น ขับรถจีพขึ้นไป 
ใช้เวลาเกือบ ๒ ชม.

อาตมานั่งอยู่คันที่ ๗ 
เป็นคันปิดท้าย 
เพราะเคยขี่มอไซขึ้นไปแล้ว
จึงอยู่ปิดขบวน เผื่อ เจอคนหลง 
มันมี ๗ คัน ขับตามกันไป ห่างๆ 
ขับใกล้กันไม่ได้

โยมผู้หญิงที่บริษัททัวร์จัดมา ขับขึ้นไม่ได้
มันไม่มีถนน เป็นร่องทางน้ำไหล เป็นทางแม้ว

อาตมาเป็นพระบวชใหม่
มีเจ้าคณะอำเภอนั่งไปด้วย 
อนุญาตอาตมาจึงขับขึ้นเขา

นั่งทำวิชชากัน ยาว ๘ ชม.รวด
ฉลองการได้ ธรรมกายครั้งแรกในชีวิตอาตมา

สว่างแล้ว ลงเขามา บินกลับวัดปากน้ำ

วันอาทิตย์ก็กลับสระบุรี

บริษัทให้สึกไปทำงาน 

แต่ อาตมาขออยู่ต่อ ถึงวันก่อนเข้าพรรษา

แต่ถึงอีก ๓ วัน จะเข้าพรรษา

อาตมาก็หนีออกจากวัด
เข้าป่าหลังวัดไปอีก ๔ กม. 
เจอถ้ำ ก็ไปอยู่ในถ้ำนั้น

อยู่กับพระธรรมยุตพรรษา ๑๑
ท่องสวดปาฏิโมกข์ ได้เอง
ให้ อาตมาทวนให้ท่าน
อยู่กับตะขาบตัวยาว ๑ ฟุต
อีกตัว ท่านสอนวิชชา เดินดงให้
อยู่กับตะขาบ ให้ อาตมา
เรียนคาถาอะไร ก็ไม่เป็นได้ 

คำเดียว ที่มี คือ ไม่เป็นไร คาถาเก่า

และ สัมมาอะระหัง คือ คาถาใหม่

ออกพรรษาแล้ว ธุดงค์ไปในป่า
นั่นอีก ๓ เดือน เป็น ๗ เดือน

กลับเข้า กทม. วันที่ ๓ ธันวาคม
ไปขอสึกกับท่านเจ้าคุณทอง คณะ ๓ 
วัดทองสุวรรณาราม ข้าง รพ.ศิริราช
สมัยนั้น กุฏิยังไม่รื้อเอาทำ รพ.ปิยการุณ

สึกแล้ว แล้วกลับบ้าน ยัยตัวแสบ
เก็บของทุกอย่าง ออกจากบ้านเขา

เปลี่ยนผ้าเป็นชุดขาว แบบคนเป่าขลุ่ยนี้อีกครั้ง 
ให้ยัยตัวแสบ เขาจำได้

ว่าเขาเอาอาตมากลับมาจากตรัง ด้วยชุดนี้

เราไม่ได้พูดอะไรกัน

เรารู้ว่า ถ้าเราพูด มันจะร้องไห้

เราไม่เคยทะเลาะกัน และเรา ทะเลาะกันไม่เป็น

เราต่างมีวิบากกรรม ที่เป็นบาปเคราะห์ ที่ต้องชดใช้

เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตอาตมา

แต่เขาก็ช่วยได้แค่นั้น
เขาช่วยอาตมามามากเกินไปแล้ว

อาตมาก็ไม่มีน้ำตาให้ใคร รวมทั้งเขาด้วย

เก็บของออกจากบ้านเขาไปบ้านตัวเอง
ที่ซื้อไว้ก่อนทีเรื่อง ไกลกันแค่ ๒ ซอย

แต่ไม่เคยเจอเขาอีกเลย
อาตมาไม่ย้อนกลับไปหาเขา

และเขาก็ไม่ต้องการให้อาตมากลับไป

ทุกคนต้องมีทางเดินเป็นของตนเอง

เขาพาอาตมากลับมาจากตรัง
เรารู้ ว่าเขาหรอกมา เขาก็รู้ ว่าอาตมารู้ว่า เขาหรอกมา
เขาแค่ทำหน้าที่ ของคนที่จะเป็น
มืออาชีพ ซึ่งยินดี ที่ยอมให้เขาหรอกเอากลับมาจากตรัง
และไม่เจ็บปวดอะไร 

แต่ก็ ชุดขาวชุดนั้น เป็นกำลังใจ
มันเหมือนหรือ เทียบได้กับจีวร
แต่มันเป็นชุดที่เขากอดเราได้

เราเจอกันอีกหลายครั้งในบริษัท

เถ้าแก่ต้องการให้อาตมากลับไปทำงาน 
อาตมา ก็ไป ขอกลับเข้าทำงาน

แต่เขาทำงานยาก เขาเป็นสตรี
ถึงจะเป็นยัยตัวแสบก็เถอะ
เขาก็ มีขีดจำกัดของเขา

อาตมา จึงไปกราบลาเถ้าแก่ 
เดินทางออกมา
แล้วไม่เคยพบเขาอีกเลย

จากวันนั้น 20 มกราคม 36

ถ้าเขามีทุกข์ เขาจะทรมานใจไปตลอดชีวิต
ว่าอาตมาทำลายเขา

ถ้าเขามีสุข เขาจะจดจำไปตลอดว่า
อาตมาเปิดทางให้เขามีชีวิตตามที่เขาต้องการแล้ว

อาตมาออกเดินทางกลับไปฮ่องกงอีกหลายครั้ง
ที่ที่เราเดินทางไป เดินเล่นกันเหมือนเดินสนามหลวง

บรรยากาศไม่ดีขึ้น ญาติๆ ของเพื่อนๆ อาตมา ก็จะจับอาตมาแต่งงานอยู่ที่ฮ่องกงนั่น

อาตมาก็หนี มันไม่มีใจให้ใคร

ถึงไทย นั่งรถเมล์ ลงใต้ ข้ามแดน 
ไปมาเลเซีย
ข้ามไปสิงคโปร์
นอนโรงแรมราคาถูก นอนวัด

หางานทำ
ได้เงินแล้ว พยายามกลับมา 
ผ่อนบ้านที่เป็นหนี้อยู่

อยู่ห่างจากบ้านยัยตัวแสบ ไม่ไกล 
แค่ ๒ ซอย
แต่ทำใจแข็ง ไม่เจอกัน

อาตมาท่องจำจนถึงวันนี้ว่า
ตามที่เขาบอกทุกอย่าง ว่า

ถ้าเจอเขา เขาจะเดือดร้อน 
เขาจะลำบาก

อาตมารู้ว่า ใช่

ถึงทุกวันนี้ก็ ๓๓ ปีแล้ว

อาตมาไปสิงคโปร์แล้ว ขึ้นเครื่องข้ามไปออสเตรเลียหลายครั้ง
กลับมาอีกหลายปี

ได้ทำงานเป็นตัวแทนติดตั้งดาวเทียมไทยคม สถานีภาคพื้น ในลาว
ก็เจอพวกทหารอากาศที่ทำงานซีเมนส์ มาจากตึกชาญอิสระ 2

ก็ ด่าว่าอาตมาทำไว้เยอะ และบอกให้อาตมาไปหาเขา
กลับไปหา ยัยตัวแสบนั้น ทำตัวให้เหมือน มืออาชีพหน่อย

อาตมาก็ไม่ไป เพราะกลัวเขาเดือดร้อน

และใจต้องการ ออกบวชอย่างเดียว

รอแค่ใช้หนี้หมด ก็ จะบวช ให่ตนเอง ให่้เขาด้วย

เพื่อนอาตมาเป็น ผจก. ซัมซุง ประเทศไทย

วันดีคืนดี ก็พาอาตมาไปรู้จักเจ้านายคนเกาหลี
บนตึกนั้น 2–3 วัน ออฟฟิศติดๆ กัน ไม่กี่ชั้น 
เดินผ่านกันเหมือนอยู่ปลายจมูก

อาตมาไม่ไปหาเขา
เพราะเขาบอกว่า จะทำให้เขาเดือดร้อน

มันไม่เหมือนกับวันที่เขาประคองกอดอาตมา ในภาพคนชุดขาว ชุดนี้ ของตาคนเป่าขลุ่ยนี้ กลับจากตรัง เข้า กทม. มาอยู่ในบ้านเขา

แต่ก็ไม่เป็นไร

นี่คือ **คาถาของคนใจพระ**

ตอนนั้นยังไม่ได้ธรรมกาย

ต่อมาได้วิชชาแล้ว ก็ใช้วิชชาช่วยตนเอง
ใช้หนี้สินที่เคยก่อไว้เอง ๔–๕ ล้าน
ตั้งใจให้ให้หมดใน ๑๐ ปี 
เพื่อจะบวชให้ตนเอง ไม่ได้บวชให้ใคร 
ไม่ให้เขารู้ว่าจะได้บวชให้เขา

แต่การบวช จะทำให้เขาสบายใจ 
ว่าอาตมาไม่ไปทำร้ายเขา 
ตามที่เขาไปบอกใครๆ ว่าเขากลัว

หนึ่งในเพื่อนเขาไปเป็นเมียของเพื่อนอาตมา 
ที่เป็นผู้กำกับตำรวจคนนึง ซึ่งเมียต้องไปขอร้องว่า 
ให้หาวิธีป้องกันว่า อาตมาจะไปทำร้ายร้านเพื่อนเขาได้อย่างไร

มันเลย จุดใต้ตำต่อ

นั้นแหละ จึงเรียกเธอว่า **ยัยตัวแสบ**

ที่สร้างเรื่อง เอาตัวรอดไปวันๆ
แต่ในความจริง อาตมากับเพื่อนคนนั้น 
ทำงานสนามร่วมกันแบบเหนื่อยแต่สนุก

เขาเป็นผู้กำกับตำรวจนอกเครื่องแบบ
อาตมาเป็นผู้จัดการโรงงาน คนญี่ปุ่น ที่ระยอง
ขับรถพาเขาไปทำงานสารพัด อาตมาขับเอง

เขาขำกลิ้ง ว่าคนแบบอาตมา 
จะไปทำร้ายใครได้อย่างไร

นี่แหละ คนใจพระเป็นแบบนี้

---

ต่อมาคุณสตรีอีกคนที่รู้ตลอดชีวิตว่า 
อาตมาไม่ได้รักเขา ยอมอุทิศตน 
ส่งอาตมาออกบวชในเวลา ๑๔ ปี 
ไม่เรียกร้องอะไรเลย
แค่แม่เขาขอให้ อาตมา
ไปเป็นลูกชายในบ้านเขาอีกคนเท่านั้น
เพราะบ้านนั้นมีลูกสาว ๕ คน ไม่มีลูกชาย
และไอ้นายพลตำรวจข้างบ้าน มันกร่างเหลือเกิน

อาตมาก็เลยกลายเป็นลูกบ้านนั้น แบบไม่ได้แต่งงาน
ลบภาพคำว่าร้ายที่ว่า อาตมาจะไปทำลายเขาได้หมดสิ้น

เพราะอาตมาก็ ขับรถพา ผู้มีพระคุณท่านนี้
ไปเยี่ยมเพื่อนตำรวจคนนี้หลายครั้ง
ให้ภาพมันออกไปที ภรรยาเขา
ไปถึงห ยัยตัวแสบว่า
คุณอนันต์ เขาไม่มีอะไรแล้ว ไม่ต้องกลัว
ประมาณนั้น

ทุกวันนี้ อาตมาเป็นพระที่ดี
ที่คนแบบยัยกอล์ฟ
ก็หมดสิทธิ์ที่จะมาเอาอาตมาออกไป

และอีก ๑๐ ยัยตัวแสบ ก็ทำอาตมาอะไรไม่ได้
เพื่อนๆ เขาแสบแค่ไหน
แต่ในใจเขา มันบอบช้ำตลอดเวลา
อาตมาต้องเป็นพระที่ดี ทำบุญให้ตนเองถึงวันตาย

จึงจะคุ้มค่า กับบุญคุณที่เขา ก็ดูแลอาตมาอย่างดี 
เป็นที่พึ่งทางกายใจ ให้อาตมาตลอดเวลา
ในวันที่อาตมา มีเภทภัยจากในบ้านตนเอง
กบการทำงานที่ทุ่มไปทั้งชีวิตว่า ที่นั้น
จักเป็นที่มั้นในบั้นปลายชีวิต
ของเราทั้ง ๒ คน

---

วันนี้มาเห็นตาคนนี้ ก็ชอบ
จึงบอกความในใจ มาให้กำลังใจโยมอีกท่านด้วย

ในไลน์กรุ๊ปที่ขอพรมาว่า 

ชีวิตเขาถูกมารรุมทำลาย

อาตมาจะบอกว่า 
มันไม่เท่าครึ่ง ของอาตมาหรอก
ขอให้ดูชีวิตของอาตมาให้ดี

**ขอให้มีกำลังใจ**

ทำใจให้เป็นพระ
ถ้าดีก็ออกบวชเลย

อย่ายึดติดอยู่กับกามคุณ

มันมีแต่เรื่อง หรอกลวงกัน
มันเป็นภาพลวงตา
ดึงให้คน ทำดีชั่ว มั่วกันไปหมด

แตค่ก็ สร้างภาพว่า ตนเองดี
คนอื่นหรือ ช่างหัวมัน

จะมีใครเดทูนคนอื่น แบบอาตมาจะมีหรือ

มีให้คนเขาว่า โง่นะ

เดินตามพระพุทธเจ้าไปเถิดโยม

คนดี เขาเห็นดีเอง ก็ ไม่จำเป็นว่า ต้องไปอยู่ด้วยกันนะ

ต่างคนต่างอยู่นั้นดีแล้ว

มารในใจเรา นี่แหละ **อันตรายที่สุด**

แต่ถ้าเราดูตาคนนี้ เป่าขลุ่ยไป ให้สบายใจเถิด โยม
และปฏิบัติธรรมไปด้วย

มารมันจะกลายเป็นพวก ส่งสมบัติมาให้โยม

คนร้ายจะกลายเป็นดี

คนดี จะดียิ่งขึ้น

คนชัง คนเกลียด สุดท้าย จะรักโยมไปตลอด

---

**รักษาพรหมจรรย์ให้ดี**
นี่แหละ คือ **ทางพ้นทุกข์**

ไม่ว่า จะรักกันมากแค่ไหน
ตราบเท่าที่ไม่ละ ไม่ว่าง ไม่ทิ้งกามคุณ
จะไม่มีทางพ้นทุกข์ได้

สมัยหนึ่ง อาตมาเคยผ่านชีวิตแบบตาคนเป่าขลุ่ยนี้
๒๘ วันบนยอดดอย หนาวจน ฮ.ยังต้องบินต่ำกว่า
บ้านกระต๊อบอาตมาในสมัยนั้น

อาตมาไม่กินข้าว
เป่าขลุ่ยทั้งน้ำตาไหล จะเป็นสายเลือด

มันก็ผ่านมาแล้ว ไม่ตายหรอก โยม

ทำใจให้เป็นพระเข้าไว้
ใครดีก็ตอบดี
ใครร้ายก็ตอบดี

read more...
https://www.facebook.com/share/p/1bKA7vzaeR/

Comments

Popular posts from this blog

680323 : พระธรรมบท วันนี้ : อย่าดูถูกบุญเล็กน้อยว่าจักไม่สนองผล : Despise not merit,

Thai/Eng: To answer, what is my blessing to you, What is “JaroenSook, JaroenDharm, JaroenPron”? (เจริญสุข เจริญธรรม เจริญพร คืออะไร)